ทำใบขับขี่ใหม่และต่ออายุใบขับขี่

โดย Admin SaveDee | 11 กุมภาพันธ์ 2568

การต่ออายุใบอนุญาตขับรถ

  • ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล - ต่ออายุครั้งแรก 2 ปี ครั้งต่อไปต่ออายุทุกๆ5 ปี
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ - ต่ออายุครั้งแรก 2 ปี ครั้งต่อไปต่ออายุทุก 5 ปี
  • ใบขับขี่รถขนส่งส่วนบุคคลประเภท 2 - ต่ออายุทุก 3 ปี
  • ใบขับขี่รถขนส่งสาธารณะประเภท 2 - ต่ออายุทุก 3 ปี (จะต้องตรวจประวัติอาชญากรรมทุกครั้ง)
  • ใบขับขี่รถขนส่งส่วนบุคคลประเภท 3 - ต่ออายุทุก 3 ปี
  • ใบขับขี่รถขนส่งสาธารณะประเภท 3 - ต่ออายุทุก 3 ปี (จะต้องตรวจประวัติอาชญากรรมทุกครั้ง)
  • ใบขับขี่รถขนส่งส่วนบุคคลประเภท 4(ขนส่งวุตถุอันตราย) - ต่ออายุทุก 3 ปี
  • ใบขับขี่รถขนส่งสาธารณะประเภท 4 (ขนส่งวุตถุอันตราย) - ต่ออายุทุก 3 ปี (จะต้องตรวจประวัติอาชญากรรมทุกครั้ง)
  •  
  • การต่ออายุใบรับรองต่างๆ

  • บัตร ADR (ขับรถวัตถุอันตราย) - ต่ออายุทุก 3 ปี
  • บัตร TSM (บุคคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง) - ต่ออายุทุก 3 ปี



ใบขับขี่ไม่ควรปล่อยให้หมดอายุ เพราะมีผลเสียหลายอย่างดังนี้
 

  •  ผิดกฎหมาย: หากใบขับขี่หมดอายุและคุณยังขับรถ ก็ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งอาจได้รับโทษปรับหรือความผิดตามที่กฎหมายกำหนด

  • ความเสี่ยงในการประกันภัย: การขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง อาจทำให้ประกันภัยไม่ครอบคลุมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะบางบริษัทประกันภัยอาจยกเลิกการคุ้มครองหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง

  • ความไม่สะดวกในการทำธุรกรรมอื่นๆ: การที่ใบขับขี่หมดอายุอาจทำให้คุณไม่สามารถใช้ใบขับขี่เป็นเอกสารในการยืนยันตัวตนหรือทำธุรกรรมต่างๆ ได้ เช่น การเช่ารถ หรือการทำธุรกรรมที่ต้องการเอกสารยืนยันตัวตน

  • ส่งผลต่อการเดินทาง: หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและพบว่าใบขับขี่ของคุณหมดอายุ อาจทำให้เกิดปัญหาหรือความยุ่งยากในการเดินทางหรือการทำธุระต่างๆ

 

การต่ออายุใบขับขี่ในประเทศไทยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
 

  • 1. ตรวจสอบเงื่อนไขการต่ออายุ
  • ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี: สามารถอบรมต่ออายุได้ตามปกติ โดยไม่ต้องสอบใหม่
  • ใบขับขี่หมดอายุมากกว่า 1 ปี: ต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย (การตรวจสายตา) และต้องมีการเรียนการสอบใหม่
  • อายุไม่เกิน 70 ปี: ต่ออายุได้ทันที
  • อายุเกิน 70 ปี: อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ต้องตรวจสุขภาพ เป็นต้น

  • 2. เตรียมเอกสารที่ต้องใช้
  • บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง (สำหรับชาวต่างชาติ)
  • ใบขับขี่เก่าที่หมดอายุ
  • เอกสารยืนยันที่อยู่ (กรณีที่ไม่ตรงตามข้อมูลในทะเบียนบ้าน)
  • หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียม (เช็คที่กรมการขนส่ง)

  • 3. ไปที่สำนักงานขนส่ง
  • ไปที่ สำนักงานขนส่ง ที่อยู่ในพื้นที่ของคุณหรือที่ใกล้ที่สุด
  • ที่สำนักงานขนส่งจะมีการตรวจสอบเอกสาร และตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจสายตา

  • 4. ชำระค่าธรรมเนียม
  • คุณจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบขับขี่ ซึ่งจะมีอัตราที่แตกต่างกันไปตามประเภทของใบขับขี่ (เช่น ใบขับขี่ธรรมดา หรือใบขับขี่สำหรับรถขนส่ง บ. / ท.)

  • 5. รับใบขับขี่ใหม่
  • หลังจากเสร็จสิ้นการดำเนินการทั้งหมด คุณจะได้รับใบขับขี่ใหม่
  •  

  • หมายเหตุ
  • การต่ออายุใบขับขี่สามารถทำได้ก่อนที่ใบขับขี่จะหมดอายุภายในระยะเวลา 6 เดือน
  • ควรตรวจสอบวันหมดอายุของใบขับขี่และเอกสารต่างๆ เพื่อลดความยุ่งยากในการต่ออายุ

 

เงื่อนไขการทำใบขับขี่

 

  • 1. อายุของผู้ขอทำใบขับขี่
  • สำหรับรถยนต์ (ประเภท 3): ผู้ขอทำใบขับขี่ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  • สำหรับจักรยานยนต์ (ประเภท 1): ผู้ขอทำใบขับขี่ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป
  • สำหรับรถขนส่งชนิดที่ 2 และ 3 : ผู้ขอทำใบขับขี่ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และต้องมีประสบการณ์ขับรถยนต์ประเภท 3 มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

  • 2. เอกสารที่ต้องใช้
  • บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง (สำหรับชาวต่างชาติ)
  • ทะเบียนบ้าน
  • ใบรับรองแพทย์ (ที่ออกไม่เกิน 1 เดือน)
  • ใบอนุญาตขับขี่เดิม (ถ้ามีการขอทำใหม่หรือเปลี่ยนประเภท)

  • 3. ขั้นตอนการทำใบขับขี่
  • สอบทฤษฎี: เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร เช่น สัญญาณจราจร ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ที่ปลอดภัย
  • สอบขับจริง: การทดสอบการขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์ตามเส้นทางที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขอใบขับขี่มีทักษะการขับขี่ที่ปลอดภัย
  • การตรวจสุขภาพ: ตรวจสายตาและสมรรถภาพทางร่างกาย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขอใบขับขี่มีความพร้อมในการขับขี่

  • 4. เรียนการขับขี่
  • หากเป็นผู้ขับขี่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน หรือเป็นครั้งแรกที่ขอใบขับขี่ สามารถเรียนการขับขี่จากโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกได้
  • หากผู้ขอใบขับขี่เคยมีประสบการณ์การขับขี่แล้ว สามารถขอใบขับขี่ได้โดยไม่ต้องเรียนจากโรงเรียนสอนขับรถ

  • 5. เงื่อนไขในการขอใบขับขี่
  • ไม่เป็นผู้มีอาการเสพสารเสพติดหรือดื่มสุราในระหว่างการขับขี่
  • ไม่เคยมีประวัติการขับขี่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่หรือมีความผิดร้ายแรงทางการขับขี่
  • ไม่เป็นผู้ต้องหาหรือมีหมายจับทางอาญา

  • 6. ระยะเวลาและค่าธรรมเนียม
  • ระยะเวลาในการขอใบขับขี่อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของใบขับขี่และประสบการณ์ของผู้ขอ
  • ค่าธรรมเนียมการทำใบขับขี่จะมีอัตราตามประเภทของใบขับขี่ (รถยนต์, จักรยานยนต์, หรือรถใหญ่) โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงหลักร้อยถึงหลักพันบาท

  • 7. เงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับชาวต่างชาติ
  • ชาวต่างชาติที่ต้องการทำใบขับขี่ในประเทศไทยจะต้องมีวีซ่าที่ถูกต้องและมีที่อยู่ในประเทศไทย
  • หากชาวต่างชาติไม่มีใบขับขี่จากประเทศต้นทาง อาจต้องสอบทฤษฎีและการขับขี่ใหม่

 

 

หมายเหตุ:
 
  • กฎเกณฑ์และขั้นตอนการทำใบขับขี่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมการขนส่งทางบกหรือเว็บไซต์ทางการก่อนที่จะไปดำเนินการ

 

เซฟดี ประกันออนไลน์

เจอที่อื่นถูกกว่า คืนเงิน 100%

เช็คราคาประกันฟรี 30 วินาที ราคาดี ทุนประกันสูง
เช็กก่อนจ่าย คุ้มค่า คุ้มราคา

บทความที่น่าสนใจ

บทความทั้งหมด