
มือใหม่ควรรู้ คู่มือการตรวจเช็คและบำรุงรักษารถ
โดย Admin SaveDee | 6 กุมภาพันธ์ 2568
คู่มือการตรวจสอบและบำรุงรักษารถยนต์ก่อนใช้งาน
หลักการสำคัญของการดูแลรถยนต์
เหตุผลในการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ยืดอายุการใช้งานของรถยนต์
ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
รักษามูลค่าการขายรถในระยะยาว
-
การตรวจสอบประจำวัน: Check List ก่อนออกเดินทาง
-
1. ระบบเครื่องยนต์
- - การตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
- ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องทุกครั้งก่อนขับ
- สังเกตสีและความหนืดของน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนถ่ายตามระยะเวลาที่กำหนด
- - น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น หากน้ำมันเครื่องน้อยหรือเสื่อมสภาพจะทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไปหรือเกิดความเสียหายได้ ก่อนที่จะเริ่มขับขี่ทุกครั้ง ควรตรวจเช็คน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง (Dipstick) และเติมน้ำมันเครื่องให้เพียงพอ หากน้ำมันเครื่องเริ่มเปลี่ยนสีหรือมีกลิ่นไหม้ ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหาย
-
การดูแลน้ำหล่อเย็น
- - ตรวจระดับน้ำหล่อเย็นใน Reservoir Tank
- สังเกตรอยรั่วใต้รถ
- ตรวจเช็คอุณหภูมิเครื่องยนต์ขณะขับ
-
- น้ำหล่อเย็นหรือ Coolant ช่วยรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนเกินไป หากระดับน้ำหล่อเย็นต่ำเกินไป เครื่องยนต์อาจจะร้อนจนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงได้ ควรเปิดฝากระโปรงและตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักให้เพียงพอ หากน้ำหล่อเย็นลดลงอย่างผิดปกติ อาจมีรอยรั่วในระบบหล่อเย็นที่ควรได้รับการซ่อมแซมทันที
-
2. ระบบล่าง และการขับเคลื่อน
- - การตรวจสอบยาง
- - วัดความดันลมยางสม่ำเสมอ
- - ตรวจสอบดอกยางและรอยแตก
- - หมุนยางสลับตำแหน่งตามระยะ
-
- เก็บยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งาน
ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย การตรวจสอบสภาพยางจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ทุกครั้งที่คุณจะใช้งานรถ ควรเช็กสภาพของยางทั้ง 4 เส้นว่ามีการสึกหรอหรือมีรอยแตกที่อาจทำให้ยางระเบิดได้ ตรวจสอบความดันลมยางให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด การเติมลมยางให้ถูกต้องจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและลดการสึกหรอของยาง
-
การตรวจเช็คระบบช่วงล่าง
- - ฟังเสียงในขณะขับ
- - ตรวจสอบการสั่นของพวงมาลัย
- - ตรวจสอบสภาพโช๊คอัพ
-
3. ระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
-
การดูแลแบตเตอรี่
- - ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า
- - ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก 2-3 ปี
- แบตเตอรี่ของรถยนต์เป็นแหล่งพลังงานหลักที่ทำให้ระบบไฟฟ้าในรถทำงานได้ หากแบตเตอรี่หมดหรือมีการเสื่อมสภาพ จะทำให้รถไม่สามารถสตาร์ทได้ หรืออาจทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถไม่ทำงานตามปกติ ควรตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ทุกครั้ง หากพบว่ามีการกัดกร่อนที่ขั้วแบตเตอรี่ หรือสัญญาณไฟแจ้งเตือนในรถเกี่ยวกับปัญหาของแบตเตอรี่ ควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันที
-
การตรวจระบบไฟส่องสว่าง
- - ตรวจสอบสภาพหลอดไฟทุกดวง
- - ปรับทิศทางไฟหน้า
-
- เปลี่ยนหลอดไฟทันทีเมื่อช่วงแสงลดลง
ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟเลี้ยวทุกครั้งก่อนการเดินทาง ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเวลากลางคืน แต่ยังช่วยให้คุณเห็นและถูกมองเห็นได้ชัดเจนบนท้องถนน หากไฟส่องสว่างไม่ปกติ ควรเปลี่ยนหลอดไฟที่เสื่อมสภาพหรือขัดขั้วต่อให้มั่นคง
-
4. ระบบเบรกและความปลอดภัย
-
การตรวจสอบเบรก
- - ฟังเสียงเบรก
- - ตรวจสอบความหนาผ้าเบรก
-
- ตรวจน้ำมันเบรก
เบรกเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดในการขับขี่เพื่อความปลอดภัย การตรวจสอบระบบเบรกให้พร้อมใช้งานคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนออกเดินทางควรทดสอบการเหยียบเบรกว่าเบรกทำงานได้ดีหรือไม่ หากเบรกมีเสียงดังผิดปกติหรือมีการตอบสนองที่ช้า ควรนำรถไปตรวจสอบที่อู่หรือศูนย์บริการทันที -
การดูแลระบบความปลอดภัย
- - ตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย
- - ทดสอบถุงลม
- - ตรวจสอบระบบ ABS
-
การบำรุงรักษาตามระยะรายเดือน
- - เช็คระดับของเหลวทุกระบบ
- - ตรวจสอบสายพาน
- - ทำความสะอาดรถยนต์
- - ทุก 5,000-10,000 กม.
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง
- ตรวจสอบระบบรองรับ
- - ทุก 30,000-50,000 กม.
- เปลี่ยนหัวเทียน
- ตรวจระบบส่งกำลัง
- เปลี่ยนน้ำมันเกียร์
-
-
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- เก็บบันทึกการซ่อมบำรุง
- เลือกศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือ
- สังเกตการทำงานของรถอย่างสม่ำเสมอ
- บทสรุป
- การดูแลรถยนต์อย่างเป็นระบบจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถที่คุณรักและสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ให้ตัวคุณเอง