• 1 บริษัทให้ความคุ้มครองเมื่อได้ตรวจสอบเอกสารก่อนอนุมัติให้ความคุ้มครอง และได้รับชำระค่าเบี้ยจากผู้เอาประกันภัยแล้ว
• 2 เงื่อนไขความคุ้มครองและข้อยกเว้น จะระบุอยู่ในสัญญากรมธรรม์ประกันภัย โปรดอ่านก่อนตกลงทำประกันภัย

เลือกชำระค่าเบี้ยประกันได้ 2 ช่องทาง

• ⦁ ช่องทางที่ 1. จ่ายผ่านบัตรเดบิต/เครดิต โดยกรอกรายละเอียดในแบบการชำระเบี้ยผ่านบัตรเครดิต ซึ่งสามารถเลือกผ่อนชำระได้ตามระบบที่เปิดให้ชำระสูงสูดไม่เกิน 10 เดือน
• ⦁ ช่องทางที่ 2. จ่ายเงินสด/เงินโอน เลือกชำระแบบจ่ายงวดเดียวจะได้ส่วนลดสูงสุด หรือเลือกผ่อนชำระเงินสดสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน

ประกันสำหรับผู้ประกอบการขนส่ง หรือบุคคลธรรมดาที่รับจ้างขนส่งสินค้า (เจ้าของสินค้าหรือผู้รับสินค้าทำประกันภัยชนิดนี้ไม่ได้) คุ้มครองความเสียหาย ความสูญหาย ของสินค้าที่รับขนส่ง ที่เกิดขึ้นระหว่างขนส่ง รวมถึงระหว่างการขนสินค้าขึ้นลงยานพาหนะขนส่ง ซึ่งดำเนินการโดยผู้เอาประกันภัย (ผู้รับจ้างขนส่ง) หรือตัวแทน/ลูกจ้างของผู้เอาประกันภัย

• 1. สาเหตุมาจากหรือสืบเนื่องมาจากสงคราม การจลาจล และการก่อการร้าย
• 2. สาเหตุมาจากยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเสื่อมสภาพหรือไม่เหมาะสมแก่การใช้บรรทุกขนส่งได้อย่างปลอดภัย
• 3. การเสื่อมสภาพหรือการเปลี่ยนสภาพโดยธรรมชาติของสินค้าที่เอาประกันภัยนั้นเอง
• 4. การรั่วไหลหรือการสึกหลอตามปกติ การที่น้ำหนักหรือปริมาณสูญหายตามธรรมชาติของสินค้าที่เอาประกันภัย
• 5. การบรรจุ สภาพหีบห่อ หรือการใช้ภาชนะขนส่งที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ดีพอในการขนส่ง
• 6. ความเสียหายสืบเนื่องทุกชนิด (Consequential Loss) จากความเสียหายหรือความสูญเสียของสินค้าที่เอาประกันภัย เช่น การหยุดชะงักของธุรกิจ
• 7. ผู้ขับขี่หรือผู้ควบคุมยานพาหนะไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
• 8. ผู้ขับขี่หรือผู้ควบคุมยานพาหนะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาเสพติด หรือมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
• 9. การที่ผู้เอาประกันภัยรับขนส่งสูญหายโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่ปรากฎร่องรอยการชิงทรัพย์หรือการโจรกรรม รวมทั้งการชิงทรัพย์และการโจรกรรม โดยลูกจ้างของผู้เอาประกันภัย

เงื่อนไขความคุ้มครองหรือข้อยกเว้น จะขึ้นอยู่แต่ละบริษัทผู้รับประกันกำหนดไว้

คุ้มครองความเสียหาย สูญหาย ของสินค้าที่รับขนส่ง เมื่อสินค้าได้ถูกบรรทุกขึ้นยานพาหนะ จนถึงการส่งมอบปลายทาง รวมถึงการยกสินค้าขึ้นไปบนยานพาหนะ และขนส่งสินค้าลงจากยานพาหนะ โดยผู้เอาประกันภัย ลูกจ้างหรือผู้แทนของผู้เอาประกันภัย โดยในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย สินค้าต้องขนส่งโดยยานพาหนะที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือตามที่เงื่อนไข แต่ละบริษัทผู้รับประกันกำหนดไว้ ข้อมูลเบื้องต้นในการแจ้งทำประกันสินค้า

• 1. มูลค่าการขนส่งต่อเที่ยว หรือต่อปีมีมูลค่าเท่าไร เพื่อกำหนดทุนประกันที่เหมาะสมกับความเสี่ยงภัย
• 2. ประเภทสินค้าที่ขนส่ง เช่น สินค้าใหม่, สินค้าใช้แล้ว , สินค้าลิขสิทธิ์, สินค้าหลากหลาย
• 3. เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว กรรมสิทธิ์ในสินค้าเป็นของใคร สามารถคืนซากให้บริษัทประกันภัยได้หรือไม่ เพื่อนำมาคำนวณค่าสินไหมในการเคลมประกัน
• 4. การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก มีการกำหนดเงื่อนไขไว้อย่างไร
• 5. อาณาเขตการขนส่ง มีการขนส่งข้ามเขตประเทศหรือไม่ เพราะความคุ้มครองประกันภัยสินค้า จะคุ้มครองเฉพาะภายในประเทศไทย หรือต้องการขยายความคุ้มครอง ต้องตรวจสอบหรือแจ้งกับบริษัทประกันให้ชัดเจนว่าจุดหมายปลายทางอยุ่ที่ใด เพราะการกำหนดผิดจุดที่ตกลง อาจมีผลต่อความคุ้มครอง
• 6. รถบรรทุกที่ใช้สำหรับการขนส่งคือรถประเภทใด เป็นรถ 6 ล้อ ,รถหัวลาก,รถบรรทุกตู้ธรรมดาหรือติดเครื่องทำความเย็น

ผู้เอาประกันควรกำหนดทุนประกันตามมูลค่าสินค้าที่ขนส่ง ให้เหมาะสมต่อความเสี่ยงภัยต่อการขนส่ง

คือ ความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดเองต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง ที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสินค้า และความเสียหายส่วนแรก อันมีสาเหตุ จากการสูญหายจากการลักทรัพย์ การชิงทรัพย์ การปล้นทรัพย์ ในระหว่างการขนส่งโดยปรากฎร่องรอยความเสียหาย , ความเสียหายต่อสินค้า ที่มีสาเหตุจากการเปียกน้ำฝน , ความเสียหายที่เกิดจากการพลัดตกแตกหักกระแทกกันเอง ของสินค้าที่บรรทุกอยู่บนยานพาหนะในระหว่างการขนส่ง โดยมีความรับผิดส่วนแรกแยกตามกลุ่มสินค้าตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันกำหนดไว้ โดยปกติแล้วกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าจะมีค่าเสียหายส่วนแรกทุกบริษัท ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละบริษัทประกันว่าจะหักค่าเสียหายส่วนแรกกี่เปอร์เซ็นของมูลค่าความเสียหาย

ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นภายหลังการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง เช่น

• - ค่าใช้จ่ายในการเก็บกู้สินค้า ค่าจ้างคนงาน ค่าจ้างคนดูแลสินค้า
• - ค่าเช่าฝากลานจอด ค่าเช่าโกดัง ค่าเช่าสถานที่
• - ค่ารถขนถ่าย ค่ารถยก ค่ารถเครน ค่ารถตัก ค่ารถไซโล ค่ารถโฟล์คลิฟท์
• - ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเก็บกู้

1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุและสินค้าได้รับความเสียหาย บริษัทประกันมีสิทธิในซากทรัพย์ของสินค้าที่บริษัทฯ ได้ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว หากผู้เอาประกันภัยหรือเจ้าของสินค้าไม่ยินยอมปลดปล่อยซากทรัพย์นั้น โดยต้องทำลายสินค้าที่เสียหาย บริษัทฯ จะพิจารณาชดใช้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่บริษัทประกันภัยกำหนด

2. การพิจารณาสินไหม กรณีไม่ยินยอมปลดปล่อยซากทรัพย์โดยต้องทำลายสินค้าที่เสียหาย

• - ก่อนทำลายสินค้าที่ได้รับความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยต้องนำส่งเอกสาร หรือหลักฐานที่เจ้าของสินค้าระบุเหตุผลให้ทำลายสินค้า มายังบริษัทประกัน
• - ผู้เอาประกันภัย หรือเจ้าของสินค้าจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย เข้าร่วมตรวจสอบการทำลายสินค้าด้วยทุกครั้ง การพิจารณาชดใช้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่บริษัทประกันภัยกำหนด

• 1. กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง และไม่คุ้มครองอะไรบ้าง
• 2. ความคุ้มครองประกันภัยสินค้าจะเริ่มคุ้มครองอย่างไร
• 3. ข้อมูลที่จำเป็น สำหรับการทำประกันภัยสินค้ามีอะไรบ้าง
• 4. ขั้นตอนการเคลมประกัน และเอกสารที่ใช้สำหรับการเคลม

• 1. แจ้งชื่อ-นามสกุล และหมายเลขติดต่อกลับที่แจ้งเหตุ
• 2. แจ้งชื่อและหมายเลขติดต่อคนขับรถ
• 3. แจ้งชื่อและหมายเลขติดต่อผู้ประสานงาน ณ ที่เกิดเหตุ (ถ้ามี)
• 4. แจ้งชื่อผู้เอาประกันภัย และเลขที่กรมธรรม์ รวมถึงชนิดของกรมธรรม์
• 5. แจ้งสถานที่เกิดเหตุ วันที่และเวลาที่เกิดเหตุ
• 6. แจ้งหมายเลขทะเบียนรถคันที่เกิดเหตุ และหมายเลขทะเบียนรถคู่กรณี (ถ้ามี)
• 7. แจ้งประเภทสินค้าและจำนวน (ถ้าทราบ)

1. ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่จัดหารถเพื่อมาขนถ่ายสินค้า พร้อมทั้งสำรองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อน ในกรณีที่รถคันที่เกิดเหตุไม่สามารถขับต่อไปได้ และผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ช่วยป้องกันมิให้ผู้ใดมาขโมยหรือหยิบฉวยสินค้าออกจากที่เกิดเหตุ

2. ประสานงานกับทางบริษัทประกันภัย เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจว่าควรจะจัดหาผู้สำรวจภัยในพื้นที่ไปดำเนินการ หรือจัดผู้สำรวจภัยเฉพาะทางเข้าไปตรวจสอบ

3. สำหรับการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขนส่งสินค้า กรณีรถประกันเป็นฝ่ายถูก ให้จดทะเบียนรถ ชื่อ ที่อยู่ของคู่กรณี และพยาน (ถ้ามี) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแจ้งอุบัติเหตุ บริษัทประกันภัยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปให้บริการแก่ท่านในสถานที่เกิดเหตุ

4. สำหรับการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขนส่งสินค้า กรณีไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด อย่าทำการเคลื่อนย้ายรถจากจุดเกิดเหตุ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำเครื่องหมายการเกิดเหตุ และสั่งให้เคลื่อนย้าย

1. รีบแจ้งสถานีตำรวจท้องที่และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.น.) กองบัญชาการตำรวจนครบาลโทร. 1197 ทันที พร้อมแจ้งรายละเอียดที่จำเป็นคือ ทะเบียนรถ สีรถ หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง สถานที่ และวันเวลาที่หาย

2. รีบจัดส่งเอกสารจำเป็นที่บริษัทประกันภัย เรียกจากท่านให้เรียบร้อย เพื่อบริษัทประกันภัยจะได้ดำเนินการตรวจสอบและชดใช้ค่าสินไหมให้ท่านโดยเร็ว

3. หากท่านทราบเบาะแสหรือร่องรอยรถของท่าน โปรดแจ้งบริษัทประกันภัยทันที

• 1. จดหมายเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่ระบุมูลค่าความเสียหาย
• 2. ต้นฉบับรายงานความเสียหาย
• 3. ต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัย
• 4. ต้นฉบับใบตราส่ง
• 5. ใบกำกับสินค้า (Invoice) ก่อนเกิดเหตุ
• 6. ใบแสดงปริมาณสินค้า (Packing List)
• 7. ใบส่งสินค้า
• 8. หนังสือสำแดงสินค้าขาด/เกิน (ถ้ามี)
• 9. รายงานหรือหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความเสียหาย และ/หรือ สูญหาย
• 10. เอกสารอื่น ๆ กรณีบริษัทประกันภัย ร้องขอเพิ่มเติม

ขั้นตอนการชำระเบี้ย

• ⦁ ช่องทางที่ 1. จ่ายผ่านบัตรเดบิต/เครดิต
• ⦁ ช่องทางที่ 2. เงินสด/เงินโอน
• ⦁ ช่องทางที่ 3. ผ่อนเงินสด ชื่อบัญชี บริษัท เซฟดี โบรกเกอร์ จำกัด ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี 580-7-05733-5

เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว โปรดส่งหลักฐานมาที่ไลน์ ID: @savedee2 หรือ E-Mail: [email protected]

ตั้งแต่เมื่อสิ่งของได้บรรทุกขึ้นไปยังยานพาหนะขนส่งจนกระทั่งส่งมอบของ และเป็นการขนส่งโดยยานพาหนะขนส่งที่ได้ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย รวมทั้งความสูญหายหรือความเสียหายของสิ่งของที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการขนส่งขึ้นไปยังยานพาหนะขนส่ง และการขนส่งถ่ายออกจากยานพาหนะขนส่ง ซึ่งกระทำโดยผู้เอาประกันภัย หรือตัวแทน หรือลูกจ้างของผู้เอาประกันภัย สินค้าที่ขนส่งต้องเป็นสินค้าของใคร เป็นสินค้าของผู้ว่าจ้างขนส่งหรือผู้รับ (ไม่คุ้มครองสินค้าหรือทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย หรือผู้ประกอบการขนส่ง)

ภายในอาณาเขตประเทศไทย ซึ่งเป็นเส้นทางปกตินิยมที่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว (สามารถขยายความคุ้มครองข้ามแดนไปต่างประเทศได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย) ยานพาหนะที่เป็นหัวรถลากจูง จะคุ้มครองตัวรถพ่วงอย่างไร

• - ในกรณีที่ยานพาหนะ เป็นหัวรถลากไม่สามารถบรรทุกสินค้าได้เอง เมื่อตารางกรมธรรม์ประกันภัยระบุหมายเลขทะเบียนหัวรถลาก กรมธรรม์ประกันภัยจะให้ความคุ้มครองรถพ่วงที่ขนส่งโดยหัวรถลากนั้น โดยไม่ต้องระบุทะเบียนรถพ่วง
• - ในกรณีที่ยานพาหนะ สามารถบรรทุกสินค้าได้เอง และสามารถลากจูงรถพ่วงได้ หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยจะต้องระบุหมายเลขทะเบียนรถบรรทุก และ หมายเลขทะเบียนรถพ่วงด้วย หากระบุแต่หมายเลขทะเบียนคันใดคันหนึ่ง จะให้ความคุ้มครองสินค้าในส่วนของหมายเลขทะเบียนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น หากมูลค่าสินค้าที่ขนส่งไม่แน่นอน จะกำหนดทุนประกันภัยอย่างไร ผู้เอาประกันภัยควรทำทุนประกันให้ครอบคลุมมูลค่าสินค้าที่ขนส่งจริง เพื่อประโยชน์ในการเรียกร้องค่าสินไหมเมื่อเกิดเหตุ ผู้เอาประกันภัยควรทำทุนประกันให้ครอบคลุมมูลค่าสินค้าที่ขนส่งจริง เพื่อประโยชน์ในการเรียกร้องค่าสินไหมเมื่อเกิดเหตุ ผู้เอาประกันสามารถแจ้งรายละเอียดของสินค้าทั้งหมด เพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมสินค้าที่ขนส่งได้ โดยบริษัทประกันจะพิจารณาปรับค่าเบี้ยเพิ่มขึ้นตามหมวดหมู่ และความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น กรณีไม่มีใบขับขี่ แล้วรถเกิดเหตุ ประกันสินค้าคุ้มครองหรือไม่

สินค้าล้มเอง ระหว่างทางขนส่งคุ้มครองหรือไม่ ไม่คุ้มครองกรณีที่ การบรรจุ สภาพหีบห่อ หรือการใช้ภาชนะขนส่งที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ดีพอในการขนส่ง เป็นเหตุให้ ของที่รับขนส่งพลัดตกหล่น แตกหัก ยุบสลาย อันเนื่องมาจากการรัดกุมไม่แน่นหนา มิได้เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

ผู้เอาประกันติดต่อเพื่อขอยกเลิกสัญญากรมธรรม์ประกันวินาศภัยได้ตลอดในเวลาทำการ โดยเขียนความประสงค์ยกเลิกลงในเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และส่งมาที่ Savedee เพื่อดำเนินการตามความประสงค์ หากเป็นการรับกรมธรรม์ฉบับจริงไป ต้องส่งเอกสารกรมธรรม์คืน แต่หากเป็นการรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องนำส่งกรมธรรม์

• 1. ส่งคืนกรมธรรม์ประกันภัยฉบับจริง (หากสูญหาย ให้แจ้งความ)
• 2. สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ต้องการให้โอนค่าเวนคืนกรมธรรม์
• 3. ผู้เอาประกันเขียนระบุความประสงค์ยกเลิกและวันที่ต้องการยกเลิกกรมธรรม์ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน